ฝ่ายสื่อสารองค์กร มหาวิทยาลัยแม่โจ้
MJU Corporate Communication Center
ชาวแม่โจ้สันทรายพร้อมอ้าแขนรอรับลูกแม่โจ้ อินทนิลช่อที่ 89 “ประเพณี เดิน – วิ่ง แม่โจ้-สันทราย กิจกรรมสร้างสัมพันธ์ชุมชนน้องใหม่แม่โจ้”
มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ร่วมกับ สมาคมศิษย์เก่าแม่โจ้ และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ จัดโครงการเสริมสร้างอัตลักษณ์ลูกแม่โจ้ รุ่นที่ 89 กิจกรรม:ประเพณีเดิน-วิ่ง แม่โจ้ – สันทราย ในวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2567 เวลา 05.30 น. เป็นต้นไป ณ จุดปล่อยตัวสนามกีฬาอินทนิล มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ประเพณี เดิน – วิ่ง การกุศล แม่โจ้ – สันทราย ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ซึ่งเป็นการสอบรับนักเรียนรุ่น 27 โดยมี ศ.ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการวิทยาลัยเกษตรกรรมเชียงใหม่ (มหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน) เพื่อทดสอบสมรรถภาพความอดทน ของผู้ที่สมัครเข้าเรียนแม่โจ้สมัยนั้น แรกเริ่มเดิมที เป็นการทดสอบ วิ่งทน ของนักเรียนที่จะมาเรียนแม่โจ้ โดยวิ่งจากในเมืองมายังแม่โจ้ ถือเป็นคะแนนพิเศษเพิ่มจากการสอบสัมภาษณ์ เพราะผู้ที่จะทำการเกษตรต้องมีร่างกายแข็งแรงและสมบูรณ์ และเป็นการฝึกความอดทน ตามคติพจน์ของ  ศ.ดร.วิภาต บุญศรี วังซ้าย ที่ว่า “งานหนักไม่เคยฆ่าคน” จนทำให้กิจกรรมการ เดิน – วิ่ง การกุศล แม่โจ้ – สันทราย เกิดเป็นประเพณีขึ้นจวบจนปัจจุบันหากแต่ในปัจจุบันมีวัตถุประสงค์สำคัญอีกประการของกิจกรรมนี้คือ ให้นักศึกษาใหม่เข้าเยี่ยมคารวะนายอำเภอสันทราย หัวหน้าส่วนราชการในอำเภอสันทราย ได้แนะนำตัวกับประชาชนชาวอำเภอสันทราย ซึ่งจะมีประชาชนชาวอำเภอสันทราย ศิษย์เก่าแม่โจ้รุ่นต่างๆ และรุ่นพี่แต่ละคณะ นำอาหาร เครื่องดื่ม ผลไม้ต่าง ๆ มาคอยต้อนรับและให้กำลังใจตลอดเส้นทางประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งแต่มหาวิทยาลัยแม่โจ้ จนถึงที่ว่าการอำเภอสันทราย เป็นบรรยากาศที่อบอุ่น น่ารัก น่าประทับใจในปีการศึกษา 2567 จะมีนักศึกษาใหม่ ทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก (เชียงใหม่แพร่ฯชุมพร) เข้าร่วมกิจกรรมจำนวนกว่า 6,700 คน ตามกำหนดการต่อไปนี้เวลา 05.30 น.  พิธีเปิดการแข่งขันและปล่อยตัวนักวิ่ง ณ จุดปล่อยตัวสนามกีฬาอินทนิล  โดย ดร.อำนวย ยศสุข นายกสภามหาวิทยาลัย , รศ.ดร.วีระพล  ทองมา อธิการบดีมหาวิทยาลัยแม่โจ้ เวลา 08.00 น.  กิจกรรมกรรมเดินวิ่ง แม่โจ้ - สันทราย ถึงที่ว่าการอำเภอสันทราย                    -  กล่าวรายงาน และนำนักศึกษาใหม่เข้าพบนายอำเภอ โดย ผศ.ว่าที่ ร้อยตรี ดร.นิโรจน์  สินณรงค์ รก.ผู้ช่วยอธิการบดี                   -  แนะนำหัวหน้าส่วนราชการในอำเภอสันทราย ได้รับเกียรติจาก นายณัชฐเดช มุลาลี นายอำเภอสันทราย  กล่าวต้อนรับ พร้อมให้โอวาทและแนะนำแนวทางการใช้ชีวิตร่วมกันตลอดเส้นทางจะมีประชาชน/ศิษย์เก่าแม่โจ้ นำอาหารเครื่องดื่มมาบริการ เป็นระยะ เพื่อคอยต้อนรับและให้กำลังใจ)ขอเชิญชาวอำเภอสันทราย พี่น้องชาวแม่โจ้ ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ร่วมอ้าแขนต้อนรับน้องใหม่แม่โจ้ อินทนิลช่อที่ 89 เข้าสู่พื้นที่อำเภอสันทรายอย่างอบอุ่น สร้างสัมพันธ์ชุมชน ให้กำลังใจนักวิ่งแบบเต็มอิ่ม ตลอดเส้นทางในวันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน 2567 ณ มหาวิทยาลัยแม่โจ้  อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ภาพประกอบจากแฟ้มข่าวสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 0 5387 3090โปรดหลีกเลี่ยงเส้นทางสัญจรในช่วงวัน และเวลาดังกล่าว ด้วยความขอบคุณเป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้
14 มิถุนายน 2567     |      1220
เด็กวิศวะฯ การยางฯ ม.แม่โจ้ คว้า 2 เหรียญทอง I-New Gen Award 2024 สร้างสรรค์นวัตกรรมทางการเกษตร สร้างรายได้ ลดใช้พลังงาน รักษ์โลก
 นักศึกษาหลักสูตรเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ คว้า 2 รางวัลเหรียญทอง จากการประกวดสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรม “Thailand New Gen Inventors Award 2024” (I-New Gen Award 2024) จัดขึ้นโดย สํานักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา  ซึ่งมีการแสดงผลงานสิ่งประดิษฐ์จากนักประดิษฐ์รุ่นใหม่ 3 ระดับ ได้แก่ ระดับมัธยม อาชีวศึกษา และอุดมศึกษา ในปีนี้คัดเลือกผลงานจากสถาบันการศึกษาต่าง ๆ จากทั่วประเทศกว่า 1,000 ผลงาน จาก 330 สถาบันทั่วประเทศ  และมหาวิทยาลัยแม่โจ้สามารถคว้ามาได้ถึง  2 เหรียญทอง ในระดับอุดมศึกษา ได้แก่รางวัลเหรียญทอง กลุ่มเกษตร จากการคิดค้นนวัตกรรม “พอรัส มัลซ์ (ผ้ายางคลุมดินอัจฉริยะ)” โดย นางสาวรัชนี จิระพาณิชย์ และ นางสาวศศินิภา บุญมา  นักศึกษาชั้นปีที่ 1“พอรัส มัลซ์ (ผ้ายางคลุมดินอัจฉริยะ)” เป็นนวัตกรรมผ้ายางคลุมดินที่ช่วยระบายอากาศและน้ำได้ดี ลดการเกิดเชื้อโรค พืชเจริญเติบโตดี ลดการใช้พลังงานในการแปรรูป ลดการเกิดไมโครพลาสติกที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ ใช้เทคโนโลยี IOT ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นในดิน เหมาะแก่การใช้งานปลูกพืชอินทรีย์รางวัลเหรียญทอง กลุ่มพลังงาน วัสดุ และเคมีชีวภาพ จากการคิดค้นนวัตกรรม “กรีนโกร์ว (ถุงเพาะชำยางรักษ์โลก)” โดย นายวรพงศ์ ชูใจ นักศึกษาชั้นปีที่ 1“กรีนโกร์ว (ถุงเพาะชำยางรักษ์โลก)” เป็นถุงเพาะชำที่สามารถย่อยสลายได้โดยธรรมชาติ พืชเจริญเติบโตได้ดี ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ใช้เทคนิคพิเศษในการผสมยางพารากับแป้งมาเคลือบถุงกระดาษคราฟท์ที่ทำจากเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ช่วยลดการเผา ลด PM 2.5 และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกได้ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศิวโรฒ บุญราศรี อาจารย์ที่ปรึกษาจากหลักสูตรเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ กล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับทั้ง 2 ผลงานที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นเวทีให้นักศึกษาได้ใช้ความรู้ คิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ที่มาช่วยแก้ปัญหาด้านการเกษตรในมิติต่าง ๆ แล้วยังช่วยเพิ่มช่องทางสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ ช่วยเกษตรกรชาวสวนยางให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม   ซึ่งผลงานนวัตกรรมดังกล่าว ขณะนี้อยู่ในกระบวนการจดสิทธิบัตร เตรียมต่อยอดขยายผลเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมหรือผู้ประกอบการ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงนวัตกรรมนี้ได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น”สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ หลักสูตรเทคโนโลยียางและพอลิเมอร์ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. 053 875000  และ  090 519 4926 ฝ่ายสื่อสารองค์กร ม.แม่โจ้ // รายงาน
12 มีนาคม 2567     |      1556
คณะวิศวะฯ ม.แม่โจ้ นำร่อง “ลดเผา ลดควัน แป๋งปุ๋ยบนดอย” ชูนวัตกรรมปุ๋ยหมักไม่พลิกกลับกองฯ จัดการเศษข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เหลือทิ้งจากการเก็บเกี่ยวบนพื้นที่สูงลดการเผา ลดฝุ่น PM2.5
คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ นำโดย อาจารย์ ดร.แสนวสันต์ ยอดคำ รองคณบดีฝ่ายพัฒนานักศึกษาและกิจการพิเศษ และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชนวัฒน์ นิทัศน์วิจิตร อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร  ร่วมกับกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ่อแก้ว ลัวฉือนี ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ. เชียงใหม่ ได้ดำเนินโครงการ ลดเผา ลดควัน แป๋งปุ๋ยบนดอย โดยได้นำร่องรับซื้อเศษข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่ ราคากิโลกรัมละ 1 บาท จำนวนกว่า 40,000 กิโลกรัม (40 ตัน) เพื่อนำมาทำปุ๋ยอินทรีย์ลดการเผา โดยใช้ วิธีการหมักปุ๋ยอินทรีย์แบบไม่พลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแม่โจ้ 1 ที่เป็นนวัตกรรมองค์ความรู้ของอาจารย์ คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบในการลดปัญหาการเผาเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ลดปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ (PM2.5) ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อนนอกจากนี้ยังเป็นการส่งเสริมให้ชุมชนมีการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพใช้ในพื้นที่ เพื่อลดต้นทุนการผลิต และสามารถต่อยอดจำหน่ายเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้ให้แก่กลุ่มวิสาหกิจ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาการเผาตั้งแต่ต้นทาง และเป็นการสร้างมูลค่าจากเศษวัสดุเหลือทิ้ง ตามแนวทางโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย (BCG Model) และเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา นายวิโรจน์ ดวงสุวรรณ์นายอำเภอสะเมิง ได้เข้าเยี่ยมชมการดำเนินกิจกรรมการผลิตปุ๋ยอินทรีย์เพื่อลดการเผาของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ่อแก้ว ลัวฉือนี ต.บ่อแก้ว  อ.สะเมิง จ. เชียงใหม่ พร้อมทั้งในกำลังใจทีมงานให้การดำเนินโครงการประสบความสำเร็จอาจารย์ ดรแสนวสันต์ ยอดคำ รองคณบดีฯ คณะวิศวะกรรมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการหมักปุ๋ยอินทรีย์แบบไม่พลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแม่โจ้ 1 เป็นนวัตกรรมที่ไม่ซับซ้อน เพียงแค่นำเศษพืชผลเหลือทิ้งทางการเกษตรมาหมักรวมกับมูลสัตว์ แล้วดูแลความชื้นในกองให้เหมาะสม ไม่ต้องพลิกกลับกองปุ๋ยให้ยุ่งยาก โดยใช้เวลาหมักเพียง 2 เดือนเท่านั้น  ซึ่งจากโครงการในครั้งนี้เราจะได้ปุ๋ยอินทรีย์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานปุ๋ยอินทรีย์ตามเกณฑ์ของกรมวิชาการเกษตรประมาณ 60 ตัน มีมูลค่าประมาณ 480,000 บาท เกษตรกรสามารถนำไปใช้ในพื้นที่การเกษตรของตนเองเพื่อลดต้นทุน หรือนำไปจำหน่ายได้ โดยหวังว่าโครงการนี้จะเป็นพื้นที่ต้นแบบในการจัดการเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร หรือจากการเก็บเกี่ยวเพื่อลดการเผา ลดฝุ่นละอองขนาดเล็กในอากาศ PM2.5) ได้อย่างเป็นรูปธรรม”สำหรับกลุ่มวิสาหกิจชุมชน หรือหน่วยงานต่างๆ ที่สนใจนวัตกรรมการหมักปุ๋ยอินทรีย์แบบไม่พลิกกลับกอง วิธีวิศวกรรมแม่โจ้ 1 สามารถติดต่อรายละเอียดได้ที่  คณะวิศวกรรมและอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทรศัพท์ 0-5387-5000 ถึง 15 ฝ่ายสื่อสารองค์กร ม.แม่โจ้ // รายงาน
8 มีนาคม 2567     |      1137
ตามรอยคุณพระช่วงฯ บิดาเกษตรแม่โจ้ เส้นทางการเติบโตมหาวิทยาลัยแม่โจ้ครบ 88 ปี
ไม่มีพระช่วงฯ...ไม่มีแม่โจ้” หากย้อนเวลากลับไปเมื่อ 88 ปี ก่อนจะเป็นมหาวิทยาลัยแม่โจ้ในปัจจุบัน14 สิงหาคม 2476 คุณพระช่วงเกษตรศิลปการ ยืมม้าจากนายอำเภอสันทราย บุกเข้าดงแม่โจ้ พร้อมคนนำทางมุ่งหน้าต่อไปตามทางเกวียนใช้เวลาชั่วโมงกว่าถึงดงไม้และป่าโปร่งที่เรียกว่า “ดงแม่โจ้” มีพื้นที่ประมาณ 800  ไร่ มีหมู่บ้านเล็กๆอยู่ชายป่าประมาณ 10 หลังคาเรือน ถึงแม้ผืนดินแห่งนี้จะมีสภาพเป็นดินเลว แต่มีแหล่งน้ำเพียงพอที่สามารถปรับแก้ไขสภาพดินให้ดีขึ้นได้ ท่านจึงสร้างสถานีกสิกรรมภาคพายัพขึ้นบนผืนดินแห่งนี้ ต้นเดือนเมษายน 2477 เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี รมต.กระทรวงธรรมการ(สมัยนั้น) มีบัญชาให้จัดตั้งโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมประจำภาคเหนือขึ้นที่  ดงแม่โจ้ ติดพื้นที่ด้านทิศใต้ของสถานีทดลองกสิกรรมภาคพายัพ แต่งตั้งให้ พระช่วงเกษตรศิลปการ ดำรงตำแหน่งอาจารย์ใหญ่17 พฤษภาคม 2477 นักเรียนรุ่นแรกเดินทางมารายงานตัวครบทั้ง ๔๖ คน (ภายหลังมาอีก ๒ คน รวมเป็น ๔๘ คน)7 มิถุนายน 2477ได้เปิดการเรียนการสอนครั้งแรก  โดยคุณพระช่วงเกษตรศิลปการบิดาเกษตรแม่โจ้   ผู้บุกเบิกและก่อตั้งแม่โจ้ พร้อมทั้งจัดให้มีพิธีไหว้ครูขึ้นในวันนี้ได้เชิญข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ข้าหลวงประจำจังหวัดและธรรมการจังหวัดมาร่วมให้โอวาท ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นได้ถูกจารึกเป็นประวัติศาสตร์อันสำคัญของแม่โจ้ ถือเป็นจุดกำเนิดแม่โจ้และพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน  88 ปี จากโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรมภาคเหนือ  สู่...มหาวิทยาลัยแม่โจ้  มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ สังกัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และได้รับการจัดให้อยู่ในกลุ่มสถาบันอุดมศึกษากลุ่มที่ 2    มุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม  ในวันนี้   แม่โจ้ได้บุกเบิก ฝ่าฟัน ต่อสู้ และ เจริญเติบโต สั่งสมประสบการณ์ บันทึกประวัติศาสตร์ด้านการเกษตรของไทย ยึดมั่นไว้ซึ่งอุดมการณ์ มุ่งสู่วิสัยทัศน์การ“เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ ที่มีความเป็นเลิศทางด้านการเกษตรในระดับนานาชาติ” ด้วยปรัชญา “มุ่งมั่นพัฒนาบัณฑิตสู่ความเป็นผู้อุดมด้วยปัญญา  อดทนสู้งานเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรม เพื่อความเจริญรุ่งเรืองวัฒนาของสังคมไทยที่มีการเกษตรเป็นรากฐาน” และพร้อมที่จะเดินหน้าต่อไปด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนามหาวิทยาลัยแม่โจ้สู่ปีที่ 100 (จาก 24772577)  และหากจะเอ่ยถึงบัณฑิตแม่โจ้ แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านมาหลายยุคหลายสมัย บัณฑิตแม่โจ้ก็ยังคงมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น “เป็นนักปฏิบัติที่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงและเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในสาขาวิชา” ด้วยบุคลิกของผู้ที่ “เลิศน้ำใจ  วินัยดี  เชิดชูประเพณี  สามัคคี อาวุโส” ซึ่งแสดงถึงความเป็นลูกแม่โจ้มาจวบจนปัจจุบัน โดยมีบทบัญญัติแม่โจ้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติ  ด้วยความเหนียวแน่น กลมเกลียว ชาวแม่โจ้ระลึกถึงคุณแผ่นดิน แม่โจ้จึงยืนหยัดมาจนถึงวันนี้ และพร้อมที่จะก้าวต่อไปด้วยความภาคภูมิ   7 มิถุนายน 2565  แม่โจ้ครบ 88 ปีมหาวิทยาลัยจัดให้มีพิธีทำบุญวันคล้ายสถาปนาโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ภาคเหนือ ประจำปี 2565   โดยกิจกรรมจะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.09 น. เป็นต้นไป มีพิธีบวงสรวงพระพิรุณทรงนาค นำโดยนายกสภามหาวิทยาลัย นายกสมาคมศิษย์เก่า อธิการบดีพร้อมคณะผู้บริหาร ณ อาคารช่วงเกษตรศิลป เวลา 09.00 น. พิธีวางพวงมาลาคารวะอนุสาวรีย์คุณพระช่วงเกษตรศิลปการ “บิดาเกษตรแม่โจ้”  ผู้บุกเบิกก่อตั้งแม่โจ้ และได้รับเกียรติจาก ทายาทพระช่วงเกษตรศิลปการ มาร่วมในพิธี  เวลา 10.00 น. พิธีทำบุญทางศาสนา ณ อาคารแผ่พืชน์ และในเวลา 13.30 น. พิธีสมโภชหอระฆัง ณ หอบริเวณหอระฆังศาลเจ้าพ่อโจ้ชาวแม่โจ้พร้อมใจกันร่วมพิธีทำบุญวันคล้ายวันสถาปนาโรงเรียนฝึกหัดครูประถมกสิกรรม ภาคเหนือ ประจำปี 2565    มาร่วมกันแสดงพลังสามัคคี  ร่วมรำลึกถึงเส้นทางการก้าวย่างของแม่โจ้ สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีรากฐานด้านการเกษตรที่เก่าแก่ของไทยมหาวิทยาลัยมุ่งพัฒนาเทคโนโลยีและส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม ที่จะสร้างคุณูปการต่อวงการศึกษาไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคต “แม่โจ้ มหาวิทยาลัยแห่งชีวิต”(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ)
10 มิถุนายน 2565     |      2080
ทั้งหมด 1 หน้า